Cloud งานเดี่ยว
สวัสดีครับ ลูกค้าทุกท่าน วันนี้ Admin มีเรื่องราวดีๆ มานำเสนออีกแล้ววว นั่นก็คือเรื่องของ “Cloud” นั่นเอง Admin คิดว่ามันกำลังเป็นเรื่องที่เป็นประเด็น HOT อีกเรื่องนึงเลย ณ ตอนนี้ หลายๆ ท่านก็ยังงงๆ สงสัยว่ามันคืออะไร มันมีที่มายังไง วันนี้เราไปฟังกันพร้อมๆ กันเลยครับ
Cloud คือ อะไร มีที่มายังไง?
คำว่า
Cloud หรือ Cloud Datacenter ในวงการไอทีนั้นเป็นคำเปรียบเปรยสำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่
โดย “Cloud คือเทคโนโลยีที่เริ่มต้นมาจากการทำ Virtualization เป็นพื้นฐาน
และถูกพัฒนาขึ้นจนให้ผู้ใช้งานสามารถให้บริการตัวเองได้ ( Self-service)” ตรงนี้คือจุดสำคัญเลยนะครับ
เพราะปกติเวลาที่ผู้ใช้งานอยากจะได้ Server, Desktop, OS หรือ Application ต่างๆ นาๆ ก็จะต้องไปติดต่อที่ส่วนงานของแผนก IT ก่อน ยกตัวอย่างเช่น Programmer อยากจะได้ Server ที่ Run OS เป็น Red Hat เผื่อมาทดสอบ Application ที่เค้าเขียนขึ้น ก็จะต้องไปติดต่อที่ส่วน IT ก่อน เป็นต้น
ตรงนี้เองนี่แหละที่เป็นปัญหาของผู้ใช้งาน เพราะว่ามันจะเกิด Flow งานที่ซับซ้อน
และปัญหาสารพัดระหว่างผู้ใช้งานและแผนกไอทีซึ่งทำให้เสียเวลามาก
(สำหรับธุรกิจ เวลาที่สูญเปล่าไปคือเม็ดเงินทั้งนั้น) และเจ้า Cloud นี่แหละที่จะเข้ามาอุดปัญหานี้เพราะจะช่วยผู้ใช้สามารถ
Service ตัวเองได้
อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบลื่นไม่หยุดชะงักอีกด้วยสวัสดีครับ
ลูกค้าทุกท่าน วันนี้ Admin มีเรื่องราวดีๆ มานำเสนออีกแล้ววว
นั่นก็คือเรื่องของ “Cloud” นั่นเอง Admin คิดว่ามันกำลังเป็นเรื่องที่เป็นประเด็น
HOT อีกเรื่องนึงเลย ณ ตอนนี้ หลายๆ ท่านก็ยังงงๆ สงสัยว่ามันคืออะไร
มันมีที่มายังไง วันนี้เราไปฟังกันพร้อมๆ กันเลยครับCloud
คือ อะไร มีที่มายังไง?
คำว่า
Cloud หรือ Cloud Datacenter ในวงการไอทีนั้นเป็นคำเปรียบเปรยสำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่
โดย “Cloud คือเทคโนโลยีที่เริ่มต้นมาจากการทำ Virtualization เป็นพื้นฐาน
และถูกพัฒนาขึ้นจนให้ผู้ใช้งานสามารถให้บริการตัวเองได้ ( Self-service)” ตรงนี้คือจุดสำคัญเลยนะครับ
เพราะปกติเวลาที่ผู้ใช้งานอยากจะได้ Server, Desktop, OS หรือ Application ต่างๆ นาๆ
ก็จะต้องไปติดต่อที่ส่วนงานของแผนก IT ก่อน ยกตัวอย่างเช่น Programmer อยากจะได้ Server
ที่ Run OS เป็น Red Hat เผื่อมาทดสอบ Application
ที่เค้าเขียนขึ้น
ก็จะต้องไปติดต่อที่ส่วน IT ก่อน เป็นต้น ตรงนี้เองนี่แหละที่เป็นปัญหาของผู้ใช้งาน
เพราะว่ามันจะเกิด Flow งานที่ซับซ้อน
และปัญหาสารพัดระหว่างผู้ใช้งานและแผนกไอทีซึ่งทำให้เสียเวลามาก
(สำหรับธุรกิจ เวลาที่สูญเปล่าไปคือเม็ดเงินทั้งนั้น) และเจ้า Cloud นี่
แหละที่จะเข้ามาอุดปัญหานี้เพราะจะช่วยผู้ใช้สามารถ Service ตัวเองได้ อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบลื่นไม่หยุดชะงักอีกด้วย
แหละที่จะเข้ามาอุดปัญหานี้เพราะจะช่วยผู้ใช้สามารถ Service ตัวเองได้ อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบลื่นไม่หยุดชะงักอีกด้วย
ในวงการจะมีชื่อเรียกของ
Cloud อยู่ 3 รูปแบบ ดังนี้
1.Private
Cloud คือ
องค์กรแต่ละองค์กรจะตั้ง Hardware
และ Software ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทำ Cloud Datacenter ขึ้นมาเป็นของตัวเอง
เพื่อให้แต่ละแผนกในองค์กรสามารถเข้ามาขอใช้งานได้
ข้อดี: ข้อมูลมีความปลอดภัย เนื่องจากเก็บอยู่ภายใน Datacenter ของตัวเอง
ข้อเสีย:
มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของการลงทุนด้าน Hardware และ Software
2.Public
Cloud คือ
ผู้ให้บริการ หรือ Third-Party
จะเป็นคนตั้ง Hardware และ Software ขึ้นมา และให้แต่ละองค์กรเข้าไปเช่าใช้บริการ
อาจจะจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี เช่น Microsoft Azure, vCloud Air
ข้อดี:
ไม่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการตั้ง Cloud Datacenter เป็นของตัวเอง
ข้อเสีย: อาจไม่ผ่าน IT Policy Audit ในบางบริษัท เช่นบางบริษัท
ห้ามเก็บข้อมูลไว้ภายนอกองค์กร
3. Hybrid
Cloud คือ
การรวมกันระหว่าง Private
Cloud และ
Public Cloud ซึ่งเพิ่มความหยืดหยุ่นในการจัดการได้มากขึ้นและอุดข้อเสียของทั้ง
2 รูป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น